เมื่อฉันสอบเข้าเตรียมอุดมฯ
View previous entries >> คุยกับครูใหญ่
ตั้งแต่เด็กครูฝันมาตลอดว่าอยากเข้าเตรียมอุดมฯ แล้วต่อที่จุฬาฯ ครูพูดอย่างนี้กับคุณแม่ไว้ตั้งแต่อยู่ป.2 เลยนะ เวลานั่งรถผ่านหน้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาทุกครั้งก็จะคอยมอง ขนลุก แล้วก็บอกกับตัวเองว่าฉันจะต้องสอบเข้าเตรียมอุดมฯให้ได้ จะต้องได้เรียนโรงเรียนนี้ ได้ใส่กระโปรงสีดำ ติดเข็มพระเกี้ยวเงินที่หน้าอกให้ได้
ความมุ่งมั่นของครูยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้นเมื่อครูขึ้นชั้นม.1 ครูตั้งใจเรียนมาก คอยดูเกรดตัวเองเพื่อที่จะวัดว่าถ้าเกรดเท่านี้จะเข้าเตรียมอุดมฯได้ไหมตลอด ทุกปิดเทอมไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก ครูจะอ่านหนังสือ เอามันทุกหนังสือที่ที่บ้านมี หนังสืออ่านนอกเวลาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ หนังสือเรียนอ่านล่วงหน้าก่อนเปิดเทอม อ่านเพื่อเก็บเป็นทุนในการสอบเข้า เรียกได้ว่าเข้าลัทธิคลั่งไคล้เตรียมอุดมฯตัวแม่เลยทีเดียว
พอขึ้นม.3 ความตื่นเต้นก็มาถึงขั้นสุด ครูตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะเข้าสายศิลป์-ฝรั่งเศส และเลือกสายที่โรงเรียนเก่าทิ้งไว้เป็นสายนี้เช่นกัน ถึงแม้คนที่บ้านและอาจารย์ที่โรงเรียนจะแนะนำว่าเรียนสายวิทย์ไหม เพราะเกรดของครูตอนม.ต้นก็ค่อนข้างสูง ครูได้เฉลี่ยหกเทอม 3.9 แต่ครูอยากเรียนอักษรศาสตร์หรือไม่ก็นิติศาตร์นี่นา ไม่รู้ละจะเรียนสายศิลป์ ครูเตรียมตัวสอบเข้าเตรียมอุดมฯด้วยตัวเอง เริ่มซื้อหนังสือเก็งสอบเข้ามาทำตั้งแต่ปิดเทอมก่อนจะขึ้นม.3 เน้นเฉพาะวิชาที่ครูต้องสอบ นั่งอ่าน นั่งทำ นั่งมั่ว (ก็ยังไม่ได้เรียนม.3 เลยยังทำไม่ได้ T_T) เอาเองทุกคืนจนจบทุกเล่ม ยืมหนังสือห้องสมุดมาอ่าน ลองผิดลองถูก ไม่ได้ไปเรียนพิเศษ ติวเข้าเตรียมอุดมฯที่ไหน เพราะช่วงนั้นเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ที่บ้านอยากให้ประหยัด ครูก็ไม่เป็นไร เอาวะ สู้มาขนาดนี้ไม่ได้ให้มันรู้ไป อ่านๆๆๆๆๆๆๆจนในที่สุดก็ถึงวันสอบ
ครูจำได้ว่าพี่สาวไปนั่งเฝ้าที่สนามสอบ ตอนนั้นยังไม่มีสอบที่อิมแพ็คแต่สอบตามโรงเรียนในเขตการศึกษาเดียวกัน ครูได้สนามสอบที่โรงเรียนสายปัญญา เช้ามาสอบวิชาความพร้อมพื้นฐานก่อน มันก็คือปัญหาเชาวน์กับเลข คิดว่าทำได้นะ แล้วก็ตามมาด้วยภาษาอังกฤษ ภาษาไทย สังคม โดยภาษาอังกฤษกับภาษาไทยสอบสองฉบับ รู้สึกว่ายากพอสมควรโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ กลับบ้านมาหมดแรงและยังปวดหัวอีกด้วยเลยหลับยาว
เมื่อการสอบผ่านพ้นไปครูก็นั่งคิดว่าจะติดไหม อยู่หลายวัน กระวนกระวายนอนไม่หลับ จนมาถึงวันประกาศผล ครูเลือกไปดูตอนเช้าไม่อยากดูก่อนเดี๋ยวรีบเสียใจก่อน ไปกันทั้งบ้านเลย คุณแม่ครูแซวว่าไปช่วยกันหามเผื่อครูสอบไม่ติดแล้วเป็นลม (ก็ทุกคนรู้ว่าครูอยากเข้ามาก) ครูจำเลขที่นั่งสอบได้ 10014 รีบไปดูรายชื่อบอร์ดคนติดก่อน จะมีไหมนะ และแล้วที่บอร์ดประกาศผลของสายภาษาฝรั่งเศสก็…..
10014 น.ส. พิมพา เวโรจนากรณ์ ลำดับที่ 6
ตอนนั้นไม่สนหรอกว่าลำดับที่เท่าไรดีใจว่าติด กระโดดตัวลอย เอาเป็นว่าญาติทุกคนหัวเราะว่าครูกระโดดสูงมากเลย ดีใจมากขนาดนั้นเชียว ครูยังจำความรู้สึกดีใจของครูได้ ความพยายามสามปีของครูโดยที่ไม่มีคนแนะนำ เพราะที่บ้านไม่มีใครเคยเรียนเตรียมอุดมฯ รวมทั้งคนแถวบ้านก็ไม่มี แถมยังไม่ได้ติวเข้าเตรียมอุดมฯที่ไหนด้วยมันทำให้ครูได้เป็นนักเรียนเตรียมอุดมฯที่ครูใฝ่ฝันแล้ว ดีใจที่สุดในโลกเลย ^o^ แถมยังได้อันดับดีซะด้วยที่ 6 จากคนสอบเข้าเตรียมอุดมฯทั้งหมดในปีนั้นเฉพาะสาขาภาษาฝรั่งเศส พันกว่าคนแต่รับประมาณ 120 คน
และแล้ววันเวลาก็ผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน สามปีแสนสั้น การเรียนที่หนักหน่วง เพื่อนๆที่หลากหลาย โรงเรียนที่กว้างใหญ่และให้อิสระทางความคิดให้แก่เด็กนักเรียนมากๆ ยังคงอยู่ในใจของครูเสมอ ตั้งแต่วันที่ครูกระโดดตัวลอยวันนั้นจนวันนี้ก็เก้าปีแล้ว ถ้ามีใครมาถามครูว่าถ้าครูย้อนเวลากลับไปได้ ครูจะย้อนกลับไปตอนไหน ครูจะตอบแบบไม่ลังเลใจเลยว่า ขออยู่เตรียมอุดมฯสักสิบปีค่ะ ทุกวันนี้เวลาครูได้ยินเพลงโรงเรียนไม่ว่าจะเป็น “ปิ่นหทัย” “แด่เตรียมอุดมฯ” หรือ “ ลาแล้วเตรียมอุดมฯ” ครูก็มักจะขนลุก และน้ำตาไหลเสมอ เพลงโรงเรียนเพราะที่สุดสำหรับครูไม่ว่ามันเวลาจะผ่านไปนานเท่าไรก็ตาม
ครูยังคงเก็บพระเกี้ยวที่อาจารย์ได้ติดหน้าอกให้ในวันมอบพระเกี้ยวให้กับนักเรียนใหม่ชั้นม.4เอาไว้ ครูมีพระเกี้ยวเพียงแค่องค์เดียวตลอดเวลาสามปีที่อยู่ที่โรงเรียน ครูติดพระเกี้ยวที่ครูภาคภูมิใจทุกวันเวลาไปโรงเรียน รวมถึงตอนไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย พระเกี้ยวองค์นี้เป็นตัวแทนความภาคภูมิใจของครู เป็นสิ่งที่ทำให้ครูนึกถึงโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา นึกถึงครูอาจารย์ นึกถึงเพื่อนๆ นึกถึงวันเวลาดีๆเหล่านั้น และในวันนี้ที่ครูผันตัวเองมาทำอาชีพครู ครูก็ตั้งใจที่จะส่งผ่านความภาคภูมิใจเหล่านี้ไปสู่น้องๆทุกคนที่ครูสอนและมีความตั้งใจที่จะได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเหมือนกับครู ครูหวังว่าประสบการณ์ของครูคงจะช่วยเติมกำลังใจ เติมความฝันให้กับน้องๆได้บ้างไม่มากก็น้อย ขอเพียงเราพยายามให้มากที่สุด ความสำเร็จจะเป็นของเราเสมอ